ประวัติพรีเมียร์ลีกอังกฤษ (PREMIER LEAGUE) และสถิติน่าสนใจ


ประวัติพรีเมียร์ลีกอังกฤษ

ประวัติพรีเมียร์ลีกอังกฤษ มีมาอย่างยาวนาน แฟนบอลหลายท่านอาจจะยังไม่ทราบว่า PREMIER LEAGUE ได้ถูกก่อตั้งขึ้นมาเมือใด  พรีเมียร์ลีกอังกฤษได้ถูกก่อตั้งเมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 1992 จากการเสนอตัวของนักธุรกิจเจ้าของสถานีโทรทัศน์สกาย ให้ 20 ทีมบนลีกสูงสุดในชื่อเดิม คือ ฟุตบอลลีก ดิวิชั่น 1 ที่จัดการแข่งขันตั้งแต่ปี ค.ศ. 1888 ให้แยกตัวออกจากดิวิชั่น 1 เพื่อจัดตั้งพรีเมียร์ลีกและมอบผลประโยชน์จากการถ่ายทอดสดของสถานีโทรทัศน์สกายเฉลี่ยให้กับทุกทีม จากลีกสูงสุดในพรีเมียร์ลีกอังกฤษและต้องยุติฟุตบอลลีกดิวีชั่น 1 ที่ยาวนานที่สุดไว้ที่ 104 ปี จากนั้นในวันที่ 27 พฤษภาคม 1992 เอฟเอพรีเมียร์ลีกได้จัดตั้งขึ้นในนามบริษัทจำกัด โดยในฤดูกาลแรกที่ใช้ชื่อพรีเมียร์ลีกอย่างเป็นทางการ มีสโมสรเข้าร่วมการแข่งขันทั้งหมด 22 ทีม ก่อนจะปรับให้เหลือ 20 ทีม ในฤดูกาล 1995-96 เมื่อยุคสมัยเริ่มเปลี่ยนแปลงการแข่งขันเริ่มสูงมากขึ้น ปัจจุบันทำให้พรีเมียร์ลีกเป็นลีกฟุตบอลที่ได้รับความนิยมจากผู้รับชมมากที่สุดในโลก

เหตุการณ์สำคัญของศึกพรีเมียร์ลีก

การเป็นแชมป์ไร้พ่ายของอาร์เซน่อล

ฤดูกาล 2003/04 อาร์เซน่อลสร้างประวัติศาสตร์ครั้งยิ่งใหญ่ เป็นทีมเดียวที่คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกแบบไม่แพ้ใครทั้งฤดูกาล ด้วยผลงาน ชนะ 26 เสมอ 12 จากการคุมทัพของ อาร์แซน เวนเกอร์ นั้นเป็นยุครุ่งเรืองที่สุด เป็นทีมเดียวที่เป็นแชมป์แบบไร้พ่าย ในช่วงต้นฤดูกาลที่ต้องออกไปเยือน แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด สถิติไร้พ่ายเกือบจะถึงหยุดตั้งแต่ตอนนั้นเมื่อ  อาร์เซน่อล ต้องเหลือ 10 คน และทีมมาเสียลูกจุดโทษในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ แต่ รุด ฟาน นิสเตลรอย ซัดจุดโทษไปชนคาน จบเกม เสมอกันไป 0-0 อาร์เซน่อลยังสร้างสถิติอย่างต่อเนื่อง โดยการไม่แพ้ใครในลีกทั้งหมด 49 นัด สถิติได้หยุดลงด้วยน้ำมือของคู่ปรับเก่าอย่าง แมนยูไนเต็ด และเป็น รุด ฟาน นิสเตลรอย ที่ล้างแค้นซัดประตูชัยหยุดสถิติไร้พ่ายของอาร์เซน่อลไว้ที่ 49 นัด และนั้นคือแชมป์พรีเมียร์ลีกสุดท้ายของทัพไอปืนใหญ่ อาร์เซน่อล

การตัดสินแชมป์จนนาทีสุดท้าย

ในฤดูกาล 2011-12 เป็นการขับเขี้ยวกันของ 2 ยอดทีมจากเมืองแมนเชสเตอร์ ระหว่าง เรือใบสีฟ้า แมนเชสเตอร์ ซิตี้ กับ ปีศาจแดง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด โดยทั้ง 2 ทีมผ่านไป 37 นัด มีคะแนนเท่ากันที่ 86 คะแนน แต่ลูกได้เสียเป็นฝั่งเรือใบสีฟ้าที่ได้เปรียบกว่า ในเกมสุดท้ายแมนซิตี้เปิดบ้านรับการมาเยือนของ ควีนส์ ปาร์ค เรนเจอร์ส ส่วนแมนยูฯต้องออกไปเยือน ซันเดอร์แลนด์ โดยเกมของปีศาจแดง จบลงด้วยชัยชนะ ของแมนยู ด้วย 1-0 ส่วนอีกสนาม ผ่านไป 90 นาที แมนซิตี้ โดนนำ 2-1 ได้ทดเวลาบาดเจ็บ 5 นาที ถ้าจบด้วยสกอร์นี้จะเป็นทางด้าน แมนยูไนเต็ดค้วาแชมป์ ช่วงทดเจ็บเอดิน เซโก้ มาโหน่งตีเสมอ 2-2 จากนั้นอีก 3 นาที เป็น กุน อเกวโร รับบทฮีโร่กดประตูชัยพลิกแซงคว้าแชมป์ในช่วงนาทีสุดท้ายของการทดเวลาบาดเจ็บ ทำให้แมนเชสเตอร์ ซิตี้ คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกเป็นครั้งแรกตั้งแต่ก่อตั้งสโมสรมา

THE IMPOSSIBLE แชมป์ประวัติศาสตร์ของจิ้งจอกสยาม เลสเตอร์ ซิตี้

ไม่มีใครคาดคิด ฤดูกาล 2014-15 จิ้งจอกสยาม เลสเตอร์ ซิตี้ ได้สร้างเทพนิยายบทใหม่ขึ้นมาให้กับสโมสรของตัวเอง โดยการหักปากกาเซียนทุกสำนัก จากฤดูกาลก่อนต้องหนีตกชั้นแบบทุลักทุเล กลับก้าวขึ้นมาคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกอังกฤษ ได้อย่างน่าเหลือเชื่อ ภายใต้การคุมทีมของ เคลาดิโอ รานิเอรี่ ที่ใช้เกมสวนกลับไวเล่นงานคู่แข่งในของลีกแบบไม่เหลือชิ้นดี โดยได้ ริยาด มาห์เรซ และ เจมี่ วาร์ดี้ ที่ฟอร์มเข้าฝัก บวกกับนักเตะปอดเหล็กอย่าง เอ็นโกโล ก็องเต้ ที่รับจบในแดนกลางวิ่งไม่มีหมด แนวรับด่านสุดท้ายเป็น แคสเปอร์ ชไมเคิล ที่ออกบอลเร็วได้ดี จนทำเกมสวนกลับมีประสิทธิภาพ นำไปสู่การคว้าแชมป์ประวัติศาสตร์ เป็นแชมป์พรีเมียร์ลีกครั้งแรกของสโมสรเลสเตอร์ ซิตี้ อีกด้วย

 

สุดยอดผู้จัดการทีมตลอดกาลของพรีเมียร์ลีก

คงจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน นับตั้งแต่เปลี่ยนจากฟุตบอลดิวิชั่น 1 มาเป็นพรีเมียร์ลีก แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เดินหน้าสร้างประวัติศาสตร์การคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกมากที่สุด ถึง 13 สมัย โดยเป็นการคุมทัพของชายเพียงคนเดียวอย่าง ยอดบรมกุนซือ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ที่มาเขย่าบังลังเวทีพรีเมียร์ลีก ครองความยิ่งใหญ่ตลอด 26 ปี ที่คุมทัพปีศาจแดง และหลังจาก เซอร์ อเล็กซ์ รีไทร์ไปในปี 2012-13 ด้วยการคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก นั้นคือแชมป์ ลีกครั้งสุดท้ายที่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ได้มาครอง


แชมป์พรีเมียร์ลีกมากที่สุด

จากฟุตบอลดิวิชั่น 1 เปลี่ยนชื่อเป็นพรีเมียร์ลีก ปีศาจแดง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ภายใต้การคุมทีมของ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ที่คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกมาครองได้มากที่สุด โดยในช่วงเวลานั้น มีไม่กี่ทีมที่สามารถต่อกรกับแมนฯ ยูไนเต็ดได้ โดยมีเพียง แบล็กเบิร์น โรเวอร์ส, อาร์เซน่อล, เชลซี, แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่มาเบียดแย่งแชมป์พรีเมียร์ลีกมาครองได้ จากการรีไทร์ของ เซอร์ อเล็กซ์ ยุคสมัยของ เชลซี แมนฯ ซิตี้ เลสเตอร์ ลิเวอร์พูล กลับมาครองความยิ่งใหญ่แทนที่ของ ปีศาจแดง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และนี้คือทำเนียบแชมป์พรีเมียร์ลีก

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 13 สมัย : 1992-93, 1993-94, 1995-96, 1996-97, 1998-99, 1999-2000, 2000-01, 2002-03, 2006-07, 2007-08, 2008-09, 2010-11, 2012-13

แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 6 สมัย : 2011-12, 2013-14, 2017-18, 2018-19, 2020-21, 2021-22

เชลซี 5 สมัย : 2004-05, 2005-06, 2009-10, 2014-15, 2016-17

อาร์เซน่อล 3 สมัย : 1997-98, 2001-02, 2003-04

แบล็กเบิร์นโรเวอร์ส 1 สมัย : 1994-95

เลสเตอร์ ซิตี้ 1 สมัย : 2015-16

ลิเวอร์พูล 1 สมัย : 2019-20


ผู้เล่นที่ลงสนามมากที่สุดในศึกพรีเมียร์ลีก

แกเร็ธ แบร์รี่ : 653 นัด

ไรอัน กิ๊กส์ : 632 นัด

แฟร้ง แลมพาร์ด : 609 นัด

เจมส์ มิลเนอร์ : 594 นัด

เดวิด เจมส์ : 572 นัด


ผู้เล่นที่ทำประตูสูงสุดในศึกพรีเมียร์ลีก

อลัน เชียเรอร์ : 260 ประตู

เวย์น รูนีย์ : 208 ประตู

แฮร์รี่ เคน : 200 ประตู

แอนดี้ โคล : 187 ประตู

เซอร์จิโอ กุน อเกวโร : 184 ประตู


ผู้จัดการทีมที่พาทีมคว้าแชมป์มากที่สุดในพรีเมียร์ลีก

13 สมัย : เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน

4 สมัย : เป๊ป กวาร์ดิโอล่า

3 สมัย : อาร์แซน เวนเกอร์, โจเซ่ มูรินโญ่

1 สมัย : เคนนี่ ดัลกลิช, คาร์โล อันเชล็อตติ, โรแบร์โต้ มันชินี่, มานูเอล เปเยกรินี่, เคลาดิโอ รานิเอรี่, อันโตนิโอ คอนเต้, เยอร์เก้น คล็อปป์


ทีมที่ทำคะแนนมากที่สุดในพรีเมียร์ลีก

แมนเชสเตอร์ ซิตี้ : 100 คะแนน ฤดูกาล 2017-18 (แชมป์)

ลิเวอร์พูล : 99 คะแนน ฤดูกาล 2019/2020 (แชมป์)

แมนเชสเตอร์ ซิตี้ : 98 คะแนน ฤดูกาล 2018/2019 (แชมป์)

ลิเวอร์พูล : 97 คะแนน ฤดูกาล 2018/2019 (รองแชมป์)

เชลซี : 95 คะแนน ฤดูกาล 2004/2005 (แชมป์)


เป็นไงบ้างคะกับ ประวัติพรีเมียร์ลีกอังกฤษ รวมถึงสถิติต่างๆที่น่าสนใจที่ผ่านของศึกฟุตบอลที่แฟนบอลชาวไทยติดตามดูมากที่สุดลีกหนึ่ง ทีมงาน UFA24H ยังมีบทความที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับฟุตบอลที่น่าสนใจให้ทุกท่านได้ตามอ่านกันอีกหลายบทความหรือท่านไหนอย่างได้ข้อมูลอะไรสามารถแอด LINE : @ufa24live เพื่อให้คำแนะนำติชม พูดคุยหรือสมัครสมาชิกเดิมพันได้ตลอด 24 ชั่วโมง